โรคสะเก็ดเงิน มีสาเหตุปัจจัยที่ทำให้ผื่นเห่อกำเริบได้หลายอย่าง ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด และมักจะเป็นหลายๆปัจจัยผสมกันจนทำให้ร่างกายแปรปรวนไป ที่สำคัญมีดังนี้
1 . ความเครียด
ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล และส่งผลต่อระบบประสาทอัติโนมัติ ซึ่งทำให้เกิดการหลั่งสารต่างๆ และสภาวะร่างกายเปลี่ยนแปลงไป ในสมัยโบราณอาการเครียดมักเชื่อมกับภาวะการเผชิญกับอันตราย เช่นต่อสู้กับสัตว์ป่า เอาชีวิตรอด ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดไม่บ่อย หลอดเลือดในร่างกายจะหดตัวลงเพื่อบีบให้เลือดไหลเร็วขึ้นไปทั่วร่างกาย ซึ่งภาวะนี้ถ้าเกิดขึ้นบ่อยครั้งจะมีข้อเสียต่อร่างกาย และแน่นอนว่าส่งผลกระตุ้นต่อสะเก็ดเงินโดยตรง
” ความเครียดยังแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือความเครียดทางจิตใจ และความเครียดทางร่างกาย “
ความเครียดทางจิตใจคืออารมณ์ต่างๆ เช่นการโมโห กังวล หงุดหงิด พะวักพะวง คิดย้ำไปมา หัวสมองไม่ได้พัก ซึ่งเป็นอารมณ์ด้านลบ ส่วนความเครียดทางร่างกาย เช่นการออกกำลังกายที่รุนแรงเกินไป กล้ามเนื้อช้ำ อักเสบ การอดหลับอดนอน จนอ่อนเพลียล้า เป็นต้น
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความเครียดด้านไหนก็ควรดูแลใส่ใจให้ดีค่ะ สำหรับผู้เป็นโรคสะเก็ดเงิน
2 . เหล้าไวน์แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์จะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น และทำให้ภายในร่างกายร้อนขึ้น จะมีข้อเสียต่อผู้เป็นโรคสะเก็ดเงิน เพราะคนที่เป็นสะเก็ดเงิน มักจะมีสภาวะภายในค่อนข้างร้อนอยู่แล้ว เรียกว่าธาตุไฟแตก หรือเลือดร้อน มักจะก่อให้เกิดตุ่มเล็กๆตามผิวหนัง ผิวแดง และเกิดอาการคันตามมาได้
ดังนั้นคนที่เป็นโรคสะเก็ดเงินควรงดเหล้าโดยเด็ดขาด ก็จะฟื้นฟูให้หายจากโรคได้ดีที่สุด
3 . บาดแผล
เมื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นรอยขีดข่วน แผลยุงกัด แผลรอยจากเสื้อผ้ารัด การเกา หรือการกดทับนานๆ ล้วนอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดผื่นสะเก็ดเงินตามมาได้ตรงบริเวณแผล และอาจลามขยายใหญ่ออกไปได้
4 . อาหารแสลง
ในหลายๆคนมีผลกระทบอาการเห่อจากกินของเหล่านี้ โดยเฉพาะอาหารทะเล กุ้งหอย ปลาหมึก ปลา แมงกะพรุน สัตว์ปี เป็ด ห่าน ไก่ ของหมักดอง ถั่วลิสง ถั่วเขียว ข้าวเหนียว
5 . ไข่
ห้ามรับประทานไข่ในช่วงเวลาที่ผื่นสะเก็ดเงินกำเริบอยู่หรือผื่นมีปัญหาอักเสบร่วมด้วย เพราะอาจทำให้มีอาการคันและอักเสบเพิ่มขึ้นได้ และเนื้อแผลจะเห่อนูนขึ้นมาได้
6 . สารเคมี
ผู้เป็นโรคสะเก็ดเงินมักมีผิวที่แพ้ง่าย ดังนั้นจึงควรบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นธรรมชาติสูง ควรหลีกเลี่ยงสารเคมีและผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการแปรรูปทางอุตสาหกรรมมามาก โดยเฉพาะกลุ่มที่สัมผัสโดยตรงกับผิวหนังเรา เช่น สเปรย์กันยุง ครีม น้ำหอม สบู่ แชมพู เป็นต้น อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง และผื่นสะเก็ดเงินเห่อกำเริบตามมาได้ง่าย
โดยเฉพาะในกลุ่มสบู่ แชมพูสระผม ที่เราต้องใช้กันเป็นประจำสม่ำเสมอยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสบู่เด็กหรือแชมพูเด็กทั่วไปก็อาจมีสารเคมีที่มีผลเสียต่อผื่นสะเก็ดเงิน แนะนำเลือกสบู่สมุนไพรธรรมชาติ หรือสบู่ที่ทำจากไขมันพืช หรือสบู่สำหรับโรคสะเก็ดเงินโดยตรง
7 . แสงแดดจัด
แสงแดดมีทั้งประโยชน์และโทษ การได้รับแสงแดดในเวลาที่เหมาะสมและไม่แรงเกินไป จะมีส่วนช่วยในการบำบัดรักษาผื่นสะเก็ดเงิน แต่หากได้รับมากเกินไป ได้แสงจัดหรือเข้มเกินไป ก็ทำให้ผิวหนังเสียหาย และเสี่ยงต่อการอักเสบผื่นเห่อมากขึ้น เพราะแสงแดดมีทั้งความร้อนและแสงยูวีที่ซึมลึกเข้าไป การได้รับแสงแดดมากเกินจะทำให้เกิดการเสียน้ำ ผิวร้อนและแห้ง
8 . การเสียดสี
บริเวณข้อพับ ขาหนีบ ข้อเข่า ศอก ส้นเท้า ต้นขา ก้นกบ ที่มักจะมีการเสียดสีบ่อยๆ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวระคายเคืองและผื่นกำเริบได้ง่ายกว่าบริเวณอื่นๆ
9 . ตั้งครรภ์/มีประจำเดือน
ในช่วงนี้ผู้หญิงจะมีฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป อาจเกิดอาการคันบ่อยขึ้นได้
10 . อากาศ
แต่ละฤดูกาล ผิวหนังของเราต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ต่างกันไป และส่งผลต่อผื่นสะเก็ดเงินต่างกันออกไป
ฤดูหนาว
ช่วงนี้อากาศจะแห้งเป็นพิเศษ ซึ่งส่งผลให้ผิวของเราแห้งง่ายตามไปด้วย ผิวที่แห้งและตึง จะขาดน้ำมันผิวปกป้อง และขาดความชุ่มชื้น สภาพผิวแบบนี้เป็นผิวที่ระคายเคืองได้ง่ายมาก จึงควรรีบบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว เช่น กลุ่มโลชั่น น้ำมัน วาสลีน เป็นต้น เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำได้รับการปกป้องตลอดเวลา
โดยเฉพาะหากผิวแห้ง เราจะรู้สึกคันได้ง่าย ซึ่งการเกาก็อาจทำให้เกิดแผลและผื่นกำเริบได้
นอกจากนี้ในช่วงหน้าหนาว ไม่ควรอาบน้ำถี่เกินไปจนผิวแห้ง หรือถ้าอาบแล้วควรรีบทาน้ำมันหรือครีมบำรุงเก็บความชุ่มชื้นไว้ให้เร็วที่สุด และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด
ฤดูร้อน
ในหน้าร้อน แดดแรง เรามักจะหลั่งเหงื่อออกมามากเพื่อระบายความร้อน เหงื่อเหล่านี้นอกจากจะทำให้ผิวหนังเราเหนียวเหนอะหนะเป็นแหล่งบ่มเพาะเชื้อโรคแล้ว ยังมีความเค็มในเหงื่อที่สามารถกัดผื่นหรือผิวหนังที่บอบบางอยู่แล้ว จนทำให้ผื่นกำเริบ มีอาการอักเสบ หรืออาการแดง คัน เพิ่มขึ้นได้
ดังนั้นในหน้าร้อนเราจึงควรอาบน้ำชำระล้างตัวบ่อยๆ เพื่อกำจัดคราบเหงื่อไคล และป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าอับชื้นเหม็นเหงื่อ จึงต้องดูแลสุขอนามัยเป็นพิเศษ
อีกทั้งยังต้องระวังไม่ให้ภายในร่างกายร้อนเกินไป ควรดื่มน้ำให้เยอะเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่ผู้เป็นโรคสะเก็ดเงินมีภายในที่ร้อนอยู่แล้วด้วย ความร้อนในร่างกายที่มากเกินไปจะทำให้เลือดหนืด และระบบการทำงานของอวัยวะเสียสมดุล และเสี่ยงต่อการอักเสบเพิ่มขึ้นได้
ฤดูฝน
หน้าฝนเป็นฤดูที่อากาศมีความชื้นสูง ตัวมักจะเหนียวเหนอะหนะได้ง่าย อีกทั้งในปัจจุบันอากาศบ้านเรามีมลภาวะสูง ฝุ่นPM2.5 ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสารพิษในอากาศมากมาย ทำให้ฝนที่ตกลงมาปนเปื้อนไปด้วยสารพิษเหล่านี้
เหล่านี้คือปัจจัยที่มีผลทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบได้ มาดูแลตัวเองให้รอบด้านกันค่ะ เพื่อให้รักษาสะเก็ดเงินได้อย่างยั่งยืนและไม่กลับมากำเริบอีกตลอดไป หมอสะเก็ดเงินเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ
บทความสะเก็ดเงินน่ารู้
มารู้จักกับโรคเรื้อน(+เรื้อนกวาง) ตอนที่ 2 สาเหตุ
หากจะพูดถึงโรคเรื้อน จะต้องย้อนกลับไปที่ศาสตร์การแพทย์ยุคโบราณมีความคิดพื้นฐานว่าร่างกายของมนุษย์เรามีธาตุหลักทั้ง 4 ธาตุ…
12 กฎต้องทำ ! ในผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่สามารถหายได้ ซึ่งการดูแลตัวเองนั้นสำคัญมาก และการดูแลตัวเองในผู้เป็นโรคสะเก็ดเงิน มีกฎหลักดังนี้…
วิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน
ในการแพทย์แผนปัจจุบันมีวิธีการรักษาสะเก็ดเงินเบื้องต้นแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ …